วันเสาร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2554

เคยเล่นเกมนี้มั้ย?..เกมนี้เกี่ยวกับความรัก

... นานมาแล้วผมเคยถูกจับให้ไปเล่นเกมๆ นึงแบบที่ผมไม่เต็มใจ 
      แต่พอเล่นไปแล้วก็ประทับใจมากเลยทีเดียว 
มันเป็น เกมเกี่ยวกับความรัก... 
...มีคนตั้งขึ้นมาว่า จะมีสะพานไม้เล็กๆ อยู่ 
ให้เดินไปจนถึงโดยที่หลับตา 
ถ้าใครสามารถเดินไปถึงได้โดยไม่ตกลงมา 
 คุณและคู่รักของคุณจะเป็นเนื้อคู่กันตลอดไป
ทุกคนจึงพยายามเดินแล้วหลายรอบ แต่ก็ตกลงมาทุกที 
บางคนถึงกับคิดว่าชั้นคงไม่มีเนื้อคู่แล้วล่ะสิ 
จนมีคนๆ นึงเดินไปถึง และไม่ตกลงมา 
ทุกคนก็ถามว่าเดินยังไงหละถึงไม่ตก..
พอคนๆ นั้นตอบทุกคนก็เงียบไปเลย 
เค้าบอกว่า "ชั้นแอบลืมตาเดินไง"... 
ลองคิดดูสิ !!!
เพื่อความรัก ทุกคนยอมหลับตา..และยอมปฏิเสธสิ่งต่าง ๆ ที่ทุกคนผ่านมัน 
โดยไม่มองอะไรเลย..เค้าสั่งให้หลับตาเดินก็ยอม 
แล้วมันจะไปถึงได้อย่างไร..ในเมื่อตาเรามองไม่เห็นทาง.. 
เวลามีความรักลองเปิดตามองให้ไกล..
อย่าปล่อยให้ความรักทำให้ตาบอด.. 
ถึงแม้ลืมตาเดินแล้วยังตกลงมาอีก
ก้อคงไม่เจ็บเท่าตกลงมาเพราะหลับตาเดิน.. 
เพราะเราจะรู้ว่าต้องตกท่าไหนจึงจะเจ็บน้อยที่สุด.......

วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2554

เศรษฐกิจระหว่างประเทศ

          การค้าระหว่างประเทศ เป็นการนำสินค้าและบริการไปแลกเปลี่ยนกับอีกประเทศหนึ่ง เนื่องจากความแตกต่างกันทางทรัพยากรและความสามารถในการผลิต

นโยบายการค้า
1. การค้าแบบเสรี ไม่มีการเก็บภาษีคุ้มกัน, ไม่ให้สิทธิพิเศษ ไม่มีข้อจำกัดทางการค้า
2. การค้าแบบคุ้มกัน มีการตั้งกำแพงภาษี, ไม่ให้สิทธิพิเศษ, ห้ามนำเข้า ห้ามส่งสินค้าบางชนิดออก ให้อุดหนุนเพื่อผลิตแข่งกับต่างประเทศ

ดุลการค้า
          คือการเปรียบเทียบมูลค่าสินค้าขาออกและมูลค่าสินค้าขาเข้า ในรอบ 1 ปี แบ่งเป็นดุลการค้าขาดดุล, ดุลการค้าเกินดุล และดุลการค้าสมดุล

ลักษณะการค้าระหว่างประเทศของไทย
1. ใช้นโยบายการค้าแบบคุ้มกัน
2. ใช้ระบบภาษีศุลกากรพิกัดอัตราเดียว
3. ประเทศคู่ค้าสำคัญคือ ญี่ปุ่น, สหรัฐอเมริกา, ซาอุดิอาระเบีย
4. สินค้าออก ส่วนใหญ่คือ สินค้าจากภาคเกษตรกรรม
5. สินค้าเข้า เป็นสินค้าอุตสาหกรรม เครื่องจักร และเชื้อเพลิง

การแก้ไขดุลการชำระเงินขาดดุล
1. ลดการส่งสินค้าเข้า
2. ชักชวนชาวต่างชาติมาท่องเที่ยว
3. ส่งเสริมการส่งออกมากขึ้น
4. ลดบริโภคสินค้าฟุ่มเฟือย

บัญชีดุลการค้าชำระเงินระหว่างประเทศ  ประกอบด้วย
1. บัญชีเดินสะพัด เป็นบัญชีรวมดุลการค้าและดุลบริการ
2. บัญชีเงินทุนเคลื่อนย้าย เป็นการเคลื่อนย้ายทุนระหว่างประเทศรวมถึงเงินกู้
3. บัญชีเงินโอนและเงินบริจาค เป็นเงินช่วยเหลือระหว่างประเทศ
4. บัญชีทุนสำรองระหว่างประเทศ เป็นบัญชีบอกจำนวนเงินสำรองระหว่างประเทศ และชี้ให้เห็นฐานะของดุลการชำระเงินของประเทศ

ข้อเปรียบเทียบระหว่างดุลการค้ากับดุลการชำระเงิน
1. ดุลการชำระเงินนั้นรวมรายจ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับประเทศทั้งหมดทั้งที่เป็นรายรับ รายจ่ายจากสินค้าและบริการ เงินลงทุน เงินกู้ เงินบริจาค
2. ดุลการค้า หมายถึง ส่วนต่างของสินค้าเข้าและสินค้าออก โดยดุลการค้าเป็นเพียงส่วนหนึ่งของดุลการชำระเงิน
3. บางประเทศอาจมีการค้าขาดดุล แต่มีดุลการชำระเงินเกินดุลก็ได้

ทุนสำรองระหว่างประเทศ
          ทรัพย์สินของประเทศที่เป็นทองคำและเงินตราต่างประเทศสกุลสำคัญ เช่น เงินดอลลาร์สหรัฐ  สิทธิพิเศษในการเบิกเงินกองทุนสำรองระหว่างประเทศ  เงินสำรองระหว่างประเทศมีประโยชน์คือ
1. ใช้เป็นทุนสำรองเงินตราส่วนหนึ่ง
2. ใช้เป็นทุนหมุนเวียนสำหรับชำระเงินให้กับต่างประเทศ
3. ใช้เป็นทุนรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราประเทศส่วนหนึ่ง เพื่อให้มีเสถียรภาพมั่นคง

การลงทุนระหว่างประเทศ
          เป็นการที่รัฐบาลหรือเอกชนของประเทศหนึ่งนำเงินไปลงทุนดำเนินธุรกิจ เพื่อแสวงหาผลกำไร สาเหตุของการลงทุนระหว่างประเทศเพื่อต้องการขยายการผลิตและการลดต้นทุน

ผลที่เกิด
1. ประเทศกำลังพัฒนา ได้เรียนรู้วิทยาการ เทคโนโลยีใหม่ ๆ
2. ประเทศกำลังพัฒนา มีการว่าจ้างงานมากขึ้น
3. เกิดการเอาเปรียบประเทศที่รับการลงทุน
4. อาจก่อความขัดแย้งระหว่างประเทศได้

การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ
          มีลักษณะการรวมกลุ่ม 6 ประเภทคือ
          1. เขตลดพิกัดอัตราภาษีศุลกากร  ลดหย่อนภาษีศุลกากรระหว่างกัน
          2. เขตการค้าเสรี ยกเลิกโควตานำเข้าระหว่างสมาชิกและยกเลิกกำแพงภาษี
          3. สหภาศุลกากร  ยกเลิกตามเขตการค้าเสรีและให้กำหนดอัตราภาษีศุลกากรสำหรับสินค้านำเข้า
              จากประเทศที่ 3 ในอัตราเดียวกัน
          4. ตลาดร่วม  สินค้าและปัจจัยการผลิตเคลื่อนไหวโยเสรี
          5. สหภาพทางเศรษฐกิจ มีการประสานนโยบายทางเศรษฐกิจและการเงิน
          6. สหภาพเศรษฐกิจแบบสมบูรณ์ กำหนดนโยบายการเมืองสังคมแบบเดียวกัน                      

องค์การความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ระหว่างประเทศ
1. สหภาพยุโรป (Economic Union) 
          สมาชิก 25 ประเทศ คือ เบลเยี่ยม ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี ลักแซมเบอร์ก เนเธอแลนด์  สหราชอาณาจักร เดนมาร์ก สาธารณรัฐไอร์แลนด์ กรีซ สเปน โปรตุเกส  ไซปรัส  เชค   สโลวาเกีย  สโลวีเนีย สวีเดน เอสโทเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย มอลต้าออสเตรีย  ฟินแลนด์ โปแลนด์ ฮังการี จุดประสงค์การก่อตั้ง เพื่อพัฒนาและยกมาตรฐานการครองชีพ ยกข้อจำกัดทางการค้าในกลุ่มสมาชิกและป้องกันประเทศนอกกลุ่ม ประเทศสมาชิกสหภาพนำเงินยูโรมาใช้ 1 ม.ค. 2002 มีสมาชิกที่ร่วมใช้เงิน ยูโร 12 ประเทศ คือ เบลเยี่ยม ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี ลักแซมเบอร์ก เนเธอแลนด์  ไอร์แลนด์ กรีซ สเปน โปรตุเกส ออสเตรีย  ฟินแลนด์ โปตุเกส
2. สมาคมประชาชาติเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ (Association Southeast Asean Nations) 
          ประกอบด้วย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย ฟิลิปินส์ สิงคโปร์ บรูไน เวียดนาม พม่า และลาว จุดประสงค์เพื่อการร่วมมือกันด้านสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม มีการคัดเลือกอุตสาหกรรมตามความถนัดและวัตถุดิบที่ประเทศสมาชิก มีการประกาศเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) เพื่อลดหย่อนภาษี
ให้เหลือ 0-5%
3. กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) 
          ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2502 ประกอบด้วย อิหร่าน คูเวต ซาอุดิอาระเบีย กาตาร์ ลิเบีย สหรัฐอิมิเรต แอลจีเรีย กาบอง เวเนซูเอลา เอกวาดอร์ อินโดนีเซีย อิรัก โอมาน วัตถุประสงค์เพื่อสร้างอำนาจการต่อรองราคาน้ำมัน โดยการกำหนดราคาและปริมาณการผลิต
4. ธนาคารเพื่อการบูรณะและพันฒนา (IBRD)
          หรือธนาคารโลก เป็นแหล่งให้กู้เงินสำหรับประเทศต่าง ๆ
5. กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) 
          ตั้งขึ้นเพื่อสร้างความร่วมมือในด้านการเงินระหว่างประเทศ รักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ และแก้ปัญหาการขาดดุลการชำระเงินแก่ประเทศสมาชิก        6.  องค์การค้าโลก  (WTO) มีพัฒนาการมาจากข้อตกลงว่าด้วยภาษีศุลกากรและการค้า แกตต์ General Agreement on Tariffs and Trade : GATT ตั้งเมื่อ 1 ม.ค. 2538  สำนักงานอยู่ที่ นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์   ปัจจุบัน 2548 มีสมาชิก 148 ประเทศ  มีวัตถุประสงค์ เป็นเวทีเจรจาเพื่อลดอุปสรรค์ และข้อกีดกันทางการค้าจัดทำกฏระเบียบการค้าระหว่างประเทศ  ยุติข้อพิพาททางการค้าระหว่างสมาชิก

สถานการณ์การค้ากับต่างประเทศ
          ประเทศไทยอยู่ระหว่างการเจรจาจัดตั้งเขตการค้าเสรี (Free Trade Area) ไทย-จีน ในกรณีของปิโตรเคมีเม็ดพลาสติกหากการเจรจาประสบความสำเร็จ การเปิดเสรีจะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการไทยแต่ในกรณีอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติก หากมีการเปิดเสรีจะทำให้ผู้ประกอบการไทยต้องประสบปัญหาจากสินค้าราคาถูกจากจีนที่จะไหลเข้าไทยมากขึ้น
-การเจรจาจัดตั้งเขตการค้าอาเซียน-จีน จะช่วยลดอุปสรรคการค้าทั้งด้านภาษีและมิใช่ภาษี รวมทั้งการเปิดเสรีและส่งเสริมการลงทุนระหว่างกัน
 - นอกจากจีนแล้ว ไทยยังเจรจาจัดตั้งเขตการค้าเสรี (Free Trade Area) ร่วมกับอีกหลายประเทศ เช่น บาห์เรน สหรัฐอเมริกา อินเดีย ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย เป็นต้น
 - เดือนมกราคม 2547 รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ประกาศ AD Duties (ในอัตราร้อยละ 2.26-122.88) สำหรับถุงพลาสติก PE ที่นำเข้าจากไทย (รวมทั้งจีน และมาเลเซีย แต่อัตราต่างกัน)
  - มาตรการป้องกันการทุ่มตลาด หรือการตอบโต้เมื่อถูกกล่าวหาว่าทุ่มตลาดยังไม่เข้มแข็ง

ปัญหาเศรษฐกิจที่สำคัญเงินเฟ้อ  
สภาวะที่ราคาสินค้าทั่วไปสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว (ของแพง  ค่าเงินลดลง) และมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ มีผลกระทบคือต้นทุนการผลิตสูงขึ้นราคาสิ้นค้าสูงจึ้น ทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้น อำนาจการซื้อต่ำ ค่าของเงินลดลง ประชาชนไม่ปรารถนาจะทำการออม ทำให้ผู้มีรายได้ประจำผู้บริโภค เจ้าหนี้
เจ้าของที่ดิน บ้านจัดสรรเดือดร้อน  ผู้ที่ได้เปรียบได้แก่ พ่อค้า ผู้ประกอบการ  ลูกหนี้ ผู้เช่าซื้อ 

 สาเหตุ 
 อุปสงค์มากกว่าอุปทาน ต้นทุนสินค้าสูง ราคาสินค้าสูง  ปริมาณเงินตราในมือประชาชนมีมากกว่าปริมาณสินค้า บริการในตลาด

การแก้ปัญหา
นโยบายการเงิน เพิ่มดอกเบี้ยเงินฝาก ธนาคารไม่ปล่อยเงินกู้ ขายพันธบัตรรัฐบาลนโยบายการคลัง เพิ่มภาษีอากร จัดงบประมาณแบบเกินดุล นโยบายการส่งออก สนับสนุนสินค้าขาเข้าแก้ปัญหาเงินเฟ้อระยะยาวลดการใช้จ่ายของรัฐบาล                                                                                                                                        

เงินฝืด
สภาวะสินค้าลดต่ำลงเป็นเพราะปริมาณความต้องการซื้อมีน้อย ค่าเงินสูงขึ้น อุปสงค์น้อยกว่าอุปทาน เพราะฉนั้นพ่อค้าอาจต้องลดราคาสินค้าให้ถูกลงเพื่อให้ขายสินค้าได้                                                                                                     

การแก้ไขปัญหา
นโยบายการเงินลดดอกเบี้ยเงินฝาก ธนาคารปล่อยเงินกู้  ซื้อพันธบัตรนโยบายการคลัง ลดภาษีอากร   งบขาดดุลนโยบายส่งออก ส่งเสริมการส่งออก

วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2554

ดาวน์โจนส์

บทแผ่เมตตาดาวน์โจนส์




สัพเพสัตตา ตลาดหุ้นทั้งหลาย ที่เป็นเพื่อนทุบ


ขึ้นลงไซด์เวย์กระจาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น


จงเป็นบวกเป็นบวกเถิด อย่าได้เบียดเบียนเซ็ทไทยอีกเลย


จงเป็นสีเขียวสีเขียวเถิด อย่าได้ทุบ ลงมาแดงอีกเลย


จงรีบาวด์กลับเถิด แล้วพาล็อกซ์เลย์ไปด้วย


อย่าได้กังวลหนี้เน่าอีกเลย


จงมีแต่ทะลุแนวต้านขึ้นไป


รักษาตนให้พ้นจากแนวรับทั้งสิ้นเถิด....... 

วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2554

ในกระจก

ในกระจก ฉันเห็น... ฉัน... สูงเท่าฉัน
                                        หน้าเหมือนฉัน
                                        ยิ้มพร้อมฉัน...
                                        ร้องไห้พร้อมฉัน...


จนบางทีรู้สึกว่า เราเหมือนกันมาก
                          แต่มือข้างขวาของฉัน... กลับไม่ใช่มือข้างขวาเขา
                          หัวใจข้างซ้ายของฉัน... กลับอยู่ข้างขวาของเขา


ฉัน กับ เขา .... เรายังไม่เหมือนกันทั้งๆ ที่เขาคือเงาของฉัน
แล้วจะหวังอะไรกับคนอื่น ให้เหมือนเรา
                          

วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554

วิธีการลงทุนในทองคำ

          การลงทุนในทองคำ เป็นกระแสที่นักลงทุนส่วนใหญ่ให้ความนิยมเป็นอย่างมาก โดยนักลงทุนสามารถลงทุนได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม ด้วยเหตุผลที่มีอย่างมากมายที่สามารถดึงดูดนักลงทุน เช่น การปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาทองคำตามสถิติตั้งแต่ปี 2001 ราคาทองคำได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 150% ความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นจากกำลังการผลิตที่ลดลง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่ทำให้ราคาทองปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องใน ช่วงที่ผ่านมา แม้ว่าขณะนี้ราคาทองจะปรับตัวลดลงก็ตาม ความนิยมในการลงทุนก็มิได้ลดน้อยลงเลย บทความนี้ก็อยากจะพูดทั้ง 2 มุมมองของการลงทุนในทองคำไม่ว่าทางตรงโดยการซื้อทองคำแท่งเอง และการลงทุนโดยอาศัยความชำนาญของผู้บริหารกองทุน


การลงทุนโดยตรง : นักลงทุนส่วนใหญ่แล้วจะนิยมซื้อทองคำแท่ง หรือทองรูปพรรณมาเก็บไว้ ช่วงที่ผ่านมาราคาขึ้นแรงๆ คนก็เอาไปขาย บางช่วงที่ราคาปรับลดลง คนก็ไปซื้อเก็บไว้เพื่อเก็งกำไร การที่นักลงทุนจะตัดสินใจซื้อหรือขายนั้น ผมอยากแนะนำให้ท่านได้ติดตามสถานการณ์และปัจจัยต่างๆ ที่มีผลกระทบต่อราคาทองคำด้วย เช่น ในช่วงที่ผ่านมาราคาทองปรับตัวสูงขึ้นเพราะอะไร เราก็ต้องไปดูและศึกษาว่า Demand และ Supply นั้นสะท้อนให้เห็นถึงมูลค่าหรือราคาจริงของทองคำไหม หรือเป็นเพราะเกิดจากการเก็งกำไรของ Hedge Fund อย่างที่ผ่านมาไม่กี่เดือน ตัวอย่างที่ผ่านมาสำหรับสถานการณ์การซื้อขายทองคำในช่วงสงกรานต์ จะเห็นได้ว่าความต้องการซื้อทองคำปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากราคาทองคำที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้น ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น และอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นตามด้วย


การลงทุนผ่านกองทุนรวม :ซึ่งถือเป็นการอาศัยความเชี่ยวชาญของ บลจ. ต่างๆ ซึ่งเท่าที่มีอยู่ในตอนนี้ เช่น TMB Gold Fund, ING Golden Star link, BT FIF Golden link เป็นต้น อย่างที่เราทราบกันดี การลงทุนในกองทุนรวมมีขั้นตอนในการตัดสินใจพิจารณาหามูลค่าของการลงทุนนั้นๆ ก่อนตัดสินใจซื้อหรือขาย โดยกลยุทธ์การซื้อขายของกองทุนเท่าที่ผมเข้าใจ จะใช้การบริหารเชิงรับ (Passive Investment Strategy) โดยเป็นการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนต่างประเทศอีกที ฉะนั้นการลงทุนประเภทนี้ก็ถือเป็นกองทุน FIF อย่างหนึ่ง ถ้าถามว่าปัจจัยใดที่มีผลกระทบต่อเงินลงทุนของกองทุนประเภทนี้ คำตอบคือความผันผวนของราคาทองคำ รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยน โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 ความเสี่ยงด้วยกัน
1) ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงราคาทองคำ (Price Risk) หมายถึงโอกาสที่ราคาทองในตลาดโลกจะเพิ่มสูงขึ้นหรือลดต่ำลง
ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ หรือระยะยาวในบางครั้ง เช่น ในช่วงที่ธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ขายเงินทุนสำรองที่เก็บในทองคำออกมา
ในตลาด จนทำให้ราคาทองในตลาดโลกลดต่ำลง ทั้งนี้ หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นจะส่งผลกระทบต่อกองทุน เนื่องจากมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนมีการเปลี่ยนแปลงตามราคาทองในตลาดโลก ดังนั้นหากราคาทองในตลาดโลกลดลงจะส่งผลทำให้มูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนลดลงได้ 
2) ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน (Currency Risk) ความเสี่ยงที่เกิดจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาทเมื่อเทียบกับเงินสกุลต่างประเทศอื่น กล่าวคือ หากค่าเงินบาทมีค่าแข็งขึ้นจากวันที่กองทุนเข้าลงทุนเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์ที่เข้าลงทุนนั้น (เช่น จาก 33 บาท ต่อ1ดอลลาร์สหรัฐ เป็น 31 บาท) จะทำให้กองทุนได้รับดอกเบี้ยตามงวดและ/หรือเงินต้นเมื่อครบกำหนดของตราสารเป็นเงินบาทในจำนวนที่น้อยลง ซึ่งจะทำให้ผลตอบแทนของการลงทุนต่ำกว่าที่คาดไว้ ในทางกลับกัน หากค่าเงินบาทมีค่าอ่อนลง (เช่น จาก 33 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ เป็น 35 บาท) จะทำให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนเมื่อคำนวณเป็นสกุลเงินบาทมากขึ้น

วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2554

ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำ

          โดยทั่วไปราคาสินทรัพย์นั้นจะถูกกำหนดโดยอุปสงค์และอุปทานของสินทรัพย์ในขณะ นั้น ทองคำก็เช่นกัน แต่ทองคำมีความแตกต่างจากสินทรัพย์ทั่วไปคือ ทองคำถือเป็นสินทรัพย์ที่มี 2 วัตถุประสงค์การใช้ในสินทรัพย์ชนิดเดียวคือเป็นทั้งสินค้าโภคภัณฑ์และเป็น เสมือนเงินตราสกุลหนึ่ง ทำให้ราคาทองคำถูกกำหนดโดยอุปสงค์และอุปทานของทองคำทั้งในแง่ที่เป็นสินค้า โภคภัณฑ์และในแง่ของสกุลเงินตรา ขึ้นอยู่กับว่า ณ สถานการณ์ขณะนั้น คนที่ลงทุนซื้อทองคำจะนำทองคำไปใช้ในวัตถุประสงค์ใด ดังนั้นหากเราจะพิจารณาถึงปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำเราจึงควรพิจารณา ปัจจัยทางด้านอุปสงค์และปัจจัยทางด้านอุปทานทั้ง 2 ลักษณะ
          ความต้องการทองคำของโลกนี้โดยส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นจากความต้องการทองคำในฐานะ ที่เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ โดยหาพิจารณาจากตัวเลขความต้องการทองคำตามวัตถุประสงค์ของการใช้งานจะพบว่า ประมาณร้อยละ 84 ของความต้องการทองคำจะถูกนำไปใช้ในด้านการผลิตเครื่องประดับและใช้ใน อุตสาหกรรมต่างๆ ในขณะที่ความต้องการส่วนที่เหลือเป็นความต้องการเพื่อการลงทุน ดังนั้นจากตัวเลขดังกล่าวทำให้เราพอที่จะทราบว่าราคาทองคำนั้นโดยหลักแล้วจะ ต้องถูกกำหนดโดยความต้องการใช้เพื่อการผลิต นอกจากนี้จากตัวเลขในตารางที่ 1 และ ตารางที่ 2จะเห็นได้ว่าปริมาณความต้องการเพื่อการผลิตในปี 2550 มีสูงขึ้นกว่าปี 2549 จากการที่เศรษฐกิจของอินเดียและจีนซึ่งเป็นผู้ที่ซื้อทองคำรายใหญ่ของโลกมี การเติบสูง จนทำให้ปริมาณการซื้อทองคำของอินเดียและจีนเพื่อใช้ในการผลิตเพิ่มสูงขึ้น ถึง 71% และ 28% ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2550 ในขณะที่กำลังการผลิตทองคำในปี 2550 ลดลงจากปี 2549 แสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ที่ทองคำจะมีราคาสูงกว่าในปีที่ผ่านมา และหากความต้องการทองคำเพื่อการผลิตยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี ในขณะที่กำลังการผลิตยังมีอยู่จำกัด ราคาทองคำในตลาดโลกก็มีโอกาสที่จะปรับตัวสูงขึ้นได้ในระยะยาวเช่นกัน
นอกจากนี้ ผู้ลงทุนต้องไม่ลืมถึงความต้องการทองคำในแง่การลงทุนเพราะถึงแม้ความต้องการ ทองคำในด้านดังกล่าวมีสัดส่วนน้อยแต่กลับมีผลต่อความผันผวนของราคาทองคำมาก เนื่องจากผู้ที่ซื้อทองคำเพื่อการลงทุนจะเป็นการลงทุนระยะสั้นส่วนหนึ่ง ทำให้มีการซื้อขายทองคำปริมาณมากในระยะสั้นๆจนส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงราคา ทองคำได้ เช่น ในช่วงที่ผ่านมามีผู้ซื้อทองคำเพื่อการลงทุนเป็นจำนวนมาก จากการที่มองว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะอ่อนค่าลงจากปัญหาเศรษฐกิจ ประกอบกับการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนจากตราสารหนี้หรือตราสารทุนที่มีความ ผันผวนสูงมาลงทุนในทองคำ ดังนั้น ในฐานะนักลงทุน เราควรต้องระลึกถึงปัจจัยอีกอย่างที่ส่งผลต่อราคาทองคำในระยะสั้น คือ ผลตอบแทนจากการลงทุนอื่นๆ เช่น อัตราดอกเบี้ยสูงทำให้การลงทุนในทองคำน่าสนใจน้อยลงเพราะว่าทองคำไม่ให้ ดอกเบี้ย ผู้มีเงินจะรู้สึกว่าขาดทุนในการถือสินทรัพย์ที่ไม่มีรายได้ประจำ ถ้าหุ้นกำลังขึ้นก็ทำให้ทองคำไม่น่าสนใจมากนักเหมือนกัน เพราะว่าผลตอบแทนจากหุ้นในเวลานั้นจะน่าดึงดูดกว่า และสำหรับผู้ลงทุนไทยต้องไม่ลืมว่าอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินบาทและเงิน ดอลลาร์สหรัฐก็เป็นสิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งที่จะส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนจาการ ลงทุน

(จาก Money Wise ฉบับที่ 4/2550)

วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2554

ทองคำ GOLD

          ทองคำ ถือเป็นการออมในรูปแบบหนึ่งที่อยู่กับสังคมไทยมาช้านาน โดยการซื้อขายทองในประเทศไทยจะเป็นไปในลักษณะการซื้อขายโดยผู้ซื้อและผู้ขาย ตกลงกันเอง  ไม่ได้ผ่านตลาดการค้า และมีการแลกเปลี่ยนสินค้า (Physical products) เกิดขึ้นจริง ณ ราคาซื้อ-ขาย ที่กำหนดในแต่ละวัน โดยผู้ซื้อส่วนใหญ่ คือบุคคลทั่วไป และจะเป็นการซื้อขายทองรูปพรรณ ในรูปของเครื่องประดับต่างๆ เช่น สร้อยคอ, กำไล, ต่างหู, ฯลฯ เพื่อสวมใส่เอง หรือเป็นของกำนัลในเทศกาลต่างๆ มากกว่าที่จะนิยมซื้อในรูปของทองคำแท่ง ซึ่งแตกต่างจากในต่างประเทศที่การซื้อขายส่วนใหญ่จะกระทำโดยนักลงทุนทั้ง สถาบันและรายย่อย มีการซื้อขายทั้งที่ส่งมอบในปัจจุบันกับการซื้อขายผ่านสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และมีความหลากหลายของสินค้ามากกว่า
         อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจซื้อทองคำนั้น ควรจะต้องคำนึงถึงต้นทุนในด้านอื่น ๆ เช่น ต้นทุนในการเก็บรักษา เนื่องจากการซื้อขายทองคำจะมีการแลกเปลี่ยนสินค้าเกิดขึ้นจริง แตกต่างจากการลงทุนในหุ้น ที่ไม่จำเป็นจะต้องมีการแลกเปลี่ยนจริงเกิดขึ้นก็ได้ ทำให้ผู้ซื้อทองจะต้องรับผิดชอบในการเก็บรักษาเอง หรือนำไปฝากกับธนาคารแต่ก็จะต้องเสียค่าธรรมเนียมในการเก็บรักษาเพิ่ม
         ส่วนต่างระหว่างราคาซื้อขาย โดยปกติแล้ว ราคารับซื้อและขายออกของทองคำแท่งจะมีส่วนต่างอยู่ที่ประมาณ 100 บาท โดยราคาขายจะสูงกว่าราคารับซื้อ ส่วนการขายทองรูปพรรณนั้นร้านค้าทองต่างๆ จะพวกเพิ่มค่ากำเหน็จไปในราคาขายด้วย โดยเฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 200 บาทขึ้นไปต่อเส้น นอกจากนั้น ในการรับซื้อทองมักจะมีการหักค่าเสื่อมจากราคาทองรูปพรรณที่รับซื้ออีกด้วย
         การถือครองทองคำไม่ได้มีการระบุกรรมสิทธิ์ความ เป็นเจ้าของอย่างชัดเจน ทำให้มีความเสี่ยงจากการถูกลักขโมยและนำไปขายต่อได้ แตกต่างกับการซื้อพันธบัตรที่ต้องมีการระบุชื่อเจ้าของกรรมสิทธิ์ในพันธบัตร หรือการซื้อหุ้นที่จะต้องมีการเปิดบัญชีซื้อขายกับโบรกเกอร์ ทำให้การแอบอ้างความเป็นเจ้าของในหลักทรัพย์ทำได้ยาก
          ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่มีส่วนกำหนดราคาทองคำในประเทศนั้น ได้แก่ ราคาทองคำในตลาดโลกและอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินบาท/ ดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากประเทศไทยต้องพึ่งพิงการนำเข้าทองคำจากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ทำให้ราคาทองคำในประเทศมีการปรับตัวไปในทิศทางเดียวกับราคาทองในตลาดโลก

          แนวโน้มการปรับตัวสูงขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลกจากระดับปัจจุบัน จะเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนให้ทองคำเป็นทางเลือกหนึ่งในการออมที่น่าสนใจ โดยปัจจัยที่ช่วยหนุนการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก ได้แก่ความต้องการซื้อทองคำแทนที่การลงทุนในสินทรัพย์สกุลดอลลาร์ เนื่องจากคาดว่าแนวโน้มการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์จะยังคงดำเนินต่อไป จากความวิตกกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดและดุลงบ ประมาณของสหรัฐ ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันให้นักลงทุนหันไปให้น้ำหนักกับการลงทุนในหลักทรัพย์ที่ อยู่ในรูปเงินตราต่างประเทศสกุลอื่นๆ รวมไปถึงทองคำมากขึ้น
          การซื้อทองคำในประเทศไทยสามารถจะเป็นรูปแบบการลงทุนประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นได้ในอนาคตนอกจากการเป็นเครื่องประดับ ทั้งนี้ คงจะต้องอาศัยความร่วมมือกันจากทั้งภาครัฐ และเอกชนในด้านต่างๆ เช่น การเพิ่มสภาพคล่องและปริมาณการซื้อขายทอ โดยการสนับสนุนให้นักลงทุนสถาบันต่าง ๆ เข้ามีบทบาท ทั้งการเป็นผู้ซื้อ และผู้ขาย จากในปัจจุบันที่การซื้อขายจะอยู่แต่ในกลุ่มรายย่อยการส่งเสริมให้มีการออกตราสารต่างๆ ที่อ้างอิงกับทองคำ เช่น ตั๋วทองคำ หรือหุ้นกู้อนุพันธ์ที่มีผลตอบแทนอิงกับราคาทอง ซึ่งจะเป็นการช่วยลดต้นทุนในการเก็บรักษาทองคำจริง ตลอดจนการผลักดันให้ทองเป็นสินค้าที่สามรถซื้อขายในตลาดล่วงหน้าได้ เช่นเดียวกับในต่างประเทศ การประชาสัมพันธ์การทำการตลาดและสนับสนุนให้เห็นถึงข้อดีของการลงทุนในทองคำเพิ่มมากขึ้น โดยการลงทุนในรูปแบบอื่น ๆ ทั้ง หุ้น, หุ้นกู้ หรือหน่วยลงทุน ล้วนแล้วแต่มีการประชาสัมพันธ์ และมีการแข่งขันกันทำการตลาดเพื่อดึงดูดนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่การประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการลงทุนในทองคำยังมีอยู่ค่อนข้างน้อยใน ปัจจุบัน

         อย่าง ไรก็ตาม การซื้อทองคำจะเป็นช่องทางการลงทุนที่น่าสนใจ แต่ก็เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราผลตอบแทนเช่นเดียวกันกับการลงทุนในตราสารประเภทอื่นๆ ซึ่งนักลงทุนจะต้องพิจารณาให้รอบคอบก่อนการตัดสินใจลงทุนนะคะ..

วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2554

เทคนิคลด100 แคลอรี่ในแต่ละวัน

  1. จากที่เคยทาขนมปังด้วยเนย 2 ช้อนโต๊ะ (200 กิโลแคลอรี) ใช้แยมแทน 1 ช้อนโต๊ะ (100 กิโลแคลอรี) หรือถ้าใช้เนยถั่ว 1 ช้อนโต๊ะ ก็จะได้คุณค่าทางอาหารที่ดีเพิ่มข้น คือได้โปรตีนและไขมันที่ดีแทนที่จะได้คาร์โบไฮเดรตล้วนๆ
  2. หากอาหารเช้าของคุณเป็นแบบสไตล์อเมริกัน ให้งดเบคอน (3 ชิ้น = 109 กิโลแคลอรี) หรือชีส (1 แผ่น = 105 กิโลแคลอรี)
  3. เลือกปลาทูน่าสเต็กในน้ำเกลือ (ขนาด 168 กรัม = 175 กิโลแคลอรี) แทนปลาทูน่าในน้ำมัน (275 กิโลแคลอรี)
  4. ถ้าคุณเป็นคนรับประทานข้าวมาก ให้ลดข้าว 1 ทัพพี (1/2 ถ้วยตวง = 108 แคลอรี)
  5. หากรับประทานถั่วเม็ดมะม่วง ให้จำกัดปริมาณไว้เพียง 3 ช้อนโต๊ะ (18 เม็ด = 163 กิโลแคลอรี 30 เม็ด = 273 กิโลแคลอรี) หรือลดปริมาณทองหยิบลง 1 ดอก (105 แคลอรี)
  6. หากคุณจำเป็นต้องเลือกอาหารประเภทฟาสต์ฟู้ด อย่าเลือกเครื่องดื่มน้ำอัดลมขนาดใหญ่ (ขนาด 21 ออนซ์ 210 กิโลแคลอรี) เลือกขนาดเล็กของเด็กแทน (ขนาด 12 ออนซ์ = 110 กิโลแคลอรี)
  7. เปลี่ยนจากน้ำสลัดชนิดครีม 2 ช้อนโต๊ะ (ช้อนละ 75-100 แคลอรี) เป็นน้ำสลัดประเภทไขมันต่ำ หรือประเภทน้ำใส 2 ช้อนโต๊ะ


จากนิตยสาร Health & Cuisine

วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2554

มุมมอง

ตอนนี้มีความรู้สึกว่าเรามีทางเลือกมากกว่าคนอื่นเพราะทุกครั้งที่เดินห้างสรรพสินค้า
ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารหรือ SHOP มียี่ห้อต่างๆและซูเปอร์เซ็นเตอร์ ปกติแล้วเราก็จะเลือกซื้อสินค้า
ได้ตามใจปารถนาที่เราต้องการ มาวันนี้สิ่งที่ทำให้คิดคือ ปกติจะเป็นคนที่เดินซื้ออาหาร เครื่องใช้ที่ TOP
แต่เนื่องด้วยการเดินทางระหว่าง TOP มันไกล เลยเลือกที่จะซื้อที่ BIGC และวันนี้ก็เป็นวันที่ทำให้เราเห็นว่า
จริงๆแล้วทำไมเราต้องซื้อของที่แพงกว่าด้วย เนื่องจากระหว่างที่เรากำลังเลือกซื้อสิ่งที่ดีที่สุด เราก็เจอคนที่เลือกซื้อสิ่งที่ไม่ได้ดีที่สุด เนื่องจากฐานะการเงินที่ต่างกัน แต่ทำไมคนที่เลือกซื้อสิ่งที่ไม่ได้ดีที่สุด เค้าก็ยังใช้ได้และยังดำรงชีวิตได้ถึงปัจจุบัน แต่ในอีกในมุมนึงคือ บางทีเค้าก็อยากเลือกสิ่งที่ดีที่สุด
ให้กับตัวเขาเองบ้างเหมือนกัน เพราะทุกคนล้วนอยากได้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเราเองทั้งนั้น


แต่ในวูบนึงก็คิดว่าบางทีของที่ราคาถูกอาจจะดีกว่าของแพงซะด้วยซ้ำไป
จนทำให้รู้สึกว่าบางครั้งเราก็ตกเป็นทาสของยี่ห้อ รูปลักษณ์ภายนอกที่สวยงามมากจนเกินไป
จนมองข้ามจุดประสงค์ความเป็นจริงว่าเราจะต้องใช้เพื่อจุดประสงค์อะไร

วันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2554

"ความรัก" เปรียบเหมือน "การเลือกรองเท้า"

รองเท้าแตะมีขายตามร้านทั่วไป
เวลาที่เราไปเห็นก็จะนึกสนใจ
มีคนเสนอขายให้ราคาถูกๆ ก็ไม่เคยคิดจะซื้อ
แต่พอจำเป็นเข้าจริงๆ ก็ต้องไปซื้อมาแก้ขัดก่อนอยู่ดี


..............................................................


รองเท้าบางคู่ใหม่ๆ อาจรู้สึกสบาย
แต่ถ้าใส่นานๆ เข้า อาจจะรู้สึกว่ารองเท้า
คู่นี้ไม่เหมาะกับเรา
อยากจะถอดทิ้งเสียเหลือเกิน


...................................................................


รองเท้าบางคู่ลองใส่ที่ร้านแล้วรู้สึกแปลกๆ
อาจมีบ้างที่คับไป หรือ หลวมไป แต่ใครจะรู้
บางทีพอใส่ไปซักพัก หนังอาจจะขยายพอดีกับเท้าของเรา
จนรู้สึกว่าดีเหลือเกินที่ตอนนั้นตัดสินใจเลือกคู่นี้


................................................................


รองเท้าบางคู่ ดูภายนอกอาจตลก
แต่รู้มั๊ยว่าบางทีเมื่อมันมาอยู่คู่กับเท้าของเรา
อาจจะทำให้ทั้งเท้าของเราและรองเท้าดูดีผิดหูผิดตาไป


................................................................


ส่วนรองเท้าคู่ไหนที่เห็นคนอื่นใส่แล้วดูดี
ก็ไม่แน่เสมอไปว่าเมื่อเราใส่แล้วจะดีเหมือนกับที่คนอื่นใส่


.....................................................................


ใครที่มีรองเท้ามากเกินความจำเป็น
เขาเหล่านั้นก็คงจะไม่รู้ว่าคู่ไหนเป็นคู่โปรด
ตราบเมื่อเค้าได้เสียรองเท้าคู่นั้นไป
ซึ่งมันก็อาจจะสายไปเสียแล้วที่จะทวงคืน

...........................................................


แล้วรองเท้าตามโรงแรมล่ะ
รองเท้าสาธารณะเหล่านั้นได้ผ่านเท้า
ของผู้คนมามากมาย บางคู่อาจยังใหม่
บางคู่อาจดูโทรม บางคู่อาจจะนำพาโรคมาสู่ผู้ที่ใส่
แต่รองเท้าสาธารณะเหล่านี้ มีความเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง
คือ อยากมากจนเรียกว่าแทบจะไม่มีเลย ที่จะมีคนมาขอซื้อ
เป็นเจ้าของ นอกเสียจากซื้อไว้ดูเล่น
ซึ่งจะไม่มีทางได้สัมผัสความรักระหว่างเจ้าของกับรองเท้า


..................................................................


รองเท้าที่เหมาะกับเรา หาได้ไม่ยาก และไม่ง่าย
แต่ถ้าเดินไปแล้วเจอคู่ที่ถูกใจ ควรรีบตัดสินใจซื้อ
ก่อนที่จะถูกคนอื่นมาตัดหน้าไปก่อน ซึ่งรองเท้าคู่นั้น
อาจจะเป็นคู่เดียวในโลกที่เหมาะกับเรามากที่สุดก็ได้

....................................................................


ส่วนรองเท้าบางคู่ที่ไม่เหมาะกับเรา
ใส่แล้วไม่รู้สึกสบาย อย่าพยายามใส่ต่อไปอีกเลย
มีแต่จะทำให้เราทรมาน และในที่สุดเราก็ต้องโยนมันทิ้งไปอยู่ดี


...................................................................


รองเท้าสมัยใหม่ ดูแล้วเท่ แต่รองเท้าสมัยเก่า
ใส่แล้วก็ดูดีไปอีกแบบ จะสมัยไหนก็ช่าง ขอให้ใส่แล้วสบายที่สุด
เมื่อเจอแล้วควรใส่อย่างถะนุถนอมจะได้อยู่กับเราไปนานเท่านาน....

รองเท้าก็เหมือนความรักเราต้องเลือกสิ่งที่เข้ากับเราได้ดีที่สุด
และถ้าเลือกแล้วก็ต้องดูแลและใส่ใจมันอยู่ตลอดเวลา